หลังจากที่ได้ทำการค้นคว้าวิจัย หนึ่งในส่วนที่ดีที่สุดของงานคือโอกาสในการค้นหาผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีในแต่ละมหาวิทยาลัย กลับค้นพบผู้ประดิษฐ์งานวิจัยใหม่ๆ เหล่านั้น

มันเป็นธรรมชาติของสาขาเทคโนโลยีทางการศึกษาที่จะมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหา: ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ทำให้แผนกไอทีได้รับการพัฒนามากกว่าภาคสาขาวิชาการอื่น แต่กลับค้นพบผู้นำด้านไอทีผู้ดูแลระบบต่างๆ ที่มองหาการพัฒนาด้านไอที – มันเป็นความคิดริเริ่มความเฉลียวฉลาดความเชี่ยวชาญและการทำงานอย่างหนัก

นอกเหนือจากมหาลัยต้องเผชิญคำถามที่เกี่ยวกับ คุณค่าของเทคโนโลยีการศึกษา หรือระดับค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ของค่าเล่าเรียน และประโยชน์ที่มหาวิทยาลัยจะได้รับ เมื่อเทียบกับความสะดวกของคอสร์ เรียน ระยะสั้น หรือ เรียนออนไลน์

เทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยได้รัลการพัฒนามากขึ้น เพื่อรองรับนักเรียนที่สนใจเพิ่มมากขึ้น  เพื่อเป็นตัวเลือก และสร้างความแตกต่างในการแข่งขันระหว่างมหาลัย  ทั้งนี้คาดการณ์ว่า  นักเรียนแต่ละคนจะได้รับประโยชน์อันสูงสุดจาการที่มหาลัยต่างๆ ได้ทำการพัฒนาเครื่องมือ และ สื่อการเรียนการสอนมากขึ้น  

มหาวิทยาลัยต่างๆเริ่มมุ่งสู่ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลมากขึ้น สุดท้ายแลนักเรียนจะได้รับการศึกษาที่จากเทคโนโลยีอันล้ำสมัยอย่างแท้จริง

ดังนั้น มหาวิทยาลัยต่างๆ ควรที่จะช่วยเหลือของระบบอัตโนมัติและระบบเสมือนจริงใน หรือ โซลูชันการวิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำเพื่อเพิ่มโอกาสที่จะเร่งอัตราการสำเร็จด้านการศึกษาประมวลผลเพื่อประสิทธิภาพสูงหรือแม้กระทั่งบรรณารักษ์หุ่นยนต์

ในยุคที่การแข่งขันรุนแรง มหาวิทยาลัยที่จับมือกับภาคเอกชนไม่ว่าจะเป็นองค์กรธุรกิจ หน่วยงานการกุศล หรือศูนย์วิจัย ไม่เพียงแต่เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้เท่านั้น ภาคเอกชนทั้งหลายยังพร้อมสนับสนุนทรัพยากรต่างๆ เช่น เงินทุน บุคลากร และเครื่องมือที่เหมาะสม สำหรับผลักดันให้นวัตกรรมเกิดขึ้นจริง

Source : Edtech ,DV.co.th

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น