Virtual University หรือ “มหาวิทยาลัยเสมือนจริง” หมายถึง สถาบันอุดมศึกษาที่จัดการเรียนการสอนผ่าน “ระบบออนไลน์” แบบครบวงจร โดยไม่จำกัดเวลา และสถานที่ หรือเรียกอีกแบบว่า e-Education แนวทางการจัดการศึกษาของไทย”
จากเรื่องที่เคยกลาวถึง https://edubrights.com/resource/2024/04/17/tuition-free-education/
credits: freepik
E-Education หรือ Virtual University เป็นการผนึกองค์ความรู้ กับเทคโนโลยี ผ่านความเชี่ยวชาญของผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขาวิชา
ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT (Information and Communication Technology) ศึกษาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ มาบูรณาการกันเพื่อพัฒนาเป็นซอฟต์แวร์ และโปรแกรมสำหรับใช้ใน Virtual University จึงเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกับระบบการจัดการการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้ระบบควบคุมคุณภาพการเรียนการสอนที่เทียบเท่าหรือดีกว่าการเรียนการสอนแบบเดิม
ความแตกต่างระหว่าง Virtual University กับ e-Learning นั้น e-Learning จะมุ่งเน้นที่กระบวนวิชาหนึ่งๆ ส่วน Virtual University จะมุ่งเน้นความเป็น “สถาบันออนไลน์” ที่มีบริการอื่นๆ ประกอบ
อาทิ ห้องสมุดเสมือน (Virtual Library หรือ e-Library) การลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ การตรวจสอบผลการเรียนผ่านระบบออนไลน์ โดนเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งเสริมให้เกิดเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้อิเล็คทรอนิคส์ หรือ e-Learning Community
Virtual University มี 4 รูปแบบ ประกอบด้วย
1. Virtual University ที่ขยายจากหลักสูตรที่มีการเรียนการสอนในชั้นเรียนปกติ การบริหารจัดการ การกำหนดมาตราฐานของหลักสูตร อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของสภามหาวิทยาลัย และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
2. Virtual University ที่เกิดจากความร่วมมือของสถาบันอุดมศึกษาด้วยกัน มีการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน และพัฒนาเนื้อหาวิชาที่มหาวิทยาลัยจะใช้ร่วมกัน
3. Virtual University ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษา และองค์กรเครือข่าย หรืออาจอยู่ในรูปของบริษัทในภาคเอกชน ที่เล็กเห็นศักยภาพทางการตลาดของการศึกษาระดับอุดมศึกษา
4. Virtual University พัฒนาโดยองค์กรธุรกิจ เป็นการให้บริการด้านการศึกษาออนไลน์โดยภาคอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่มุ่งเน้นหลักสูตรการฝึกอบรม และถ่ายทอดองค์ความรู้ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้อยู่ในวัยทำงาน
ล่าสุด ได้มีการเปิดตัว University of the People หรือ UoPeople เมื่อปี ค.ศ. 2014 ให้ดำรงตนเป็น “มหาวิทยาลัยที่ปราศจากค่าเล่าเรียน” โดยบัณฑิตผู้จบการศึกษา จะได้รับการรับรองอย่างถูกต้องจากหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแล
โดยที่ผ่านมา UoPeople ได้ช่วยให้นักศึกษาประมาณ 140,000 คน จาก 200 ประเทศ สามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียมกัน
กรณีศึกษาที่สำคัญก็คือ เมื่อครั้งที่รัสเซียเริ่มบุกยูเครน ประชาชนในพื้นที่ต่างต้องทยอยเดินทางออกจากเมืองด้วยความระส่ำสาย ทุกภาคส่วนต้องหยุดชะงัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กิจกรรมด้านการศึกษา
แต่นักศึกษาในประเทศยูเคน สามารถสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีได้ โดยผ่านการอำนวยความสะดวกจาก UoPeople
โดยหลายคนต้องเรียนหนังสือขณะที่อยู่ในหลุมหลบภัย
UoPeople ถือเป็น “มหาวิทยาลัยออนไลน์” แห่งแรกที่ได้รับการรับรองจากสหรัฐฯ แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยที่ “ปราศจากค่าเล่าเรียน” แต่ผู้เรียนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ประมาณ 140-400 ดอลลาร์ต่อการลงทะเบียนรายวิชา
ทำให้ในภาพรวม นักศึกษาจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000 ดอลลาร์ เพื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เมื่อเทียบกับค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ยของมหาวิทยาลัยรัฐบาลในสหรัฐฯ ระยะเวลา 4 ปี อยู่ที่ประมาณ 9,600 ดอลลาร์ต่อปี
เพราะ UoPeople เชื่อว่า การศึกษาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน และทุกคนในโลกควรที่จะได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน