เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในด้านการศึกษาครั้งใหญ่ แต่เราจะเห็นว่า AI ในวงการต่างๆ คืบคลานเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรา ซึ่งทำให้เราสามารถคาดหวังได้ว่า AI จะสามารถเปลี่ยนอนาคตของการศึกษาได้เช่นกัน นอกจากการเรียนรู้ของเครื่อง ปัญญาประดิษฐ์สามารถปรับปรุงเครื่องมือทางการศึกษาของเรา และกลายเป็นพื้นฐานสำหรับวิธีการใหม่อย่างสมบูรณ์ ตามสถิติ AI ในภาคการศึกษาของสหรัฐจากปี 2018 ถึง 2023 คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 47  ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าครูยังเป็นสิ่งที่จำเป็นและไม่อาจถูกแทนที่ได้ แต่งานของพวกเขาจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน

ในช่วงหลายปีมานี้ เรามักจะเห็นความร่วมมือระหว่างบริษัทไอทีกับองค์กรด้านการศึกษา ผ่านความร่วมมือในหลากหลายโปรเจ็คทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเดียวกันในการยกระดับคุณภาพของระบบการศึกษา ช่วยลดการใช้เวลากับภาระงานที่ต้องทำซ้ำๆ (routine works) ของครู เช่น การช่วยตรวจการบ้านและข้อสอบ โดยระบบคอมพิวเตอร์จะสามารถช่วยตรวจสอบความถูกต้องและนับคะแนน พร้อมทั้งเทียบเคียงคำตอบของนักเรียนแต่ละคนว่ามีความเหมือนหรือใกล้เคียงกัน (similarity) มากน้อยเพียงใด เพื่อช่วยลดปัญหาการทุจริตของนักเรียนระหว่างการทำข้อสอบ รวมถึงตรวจการคัดลอกข้อมูล (plagiarism) เพื่อเพิ่มคุณภาพของผลการวิจัยและบทความวิชาการสาขาต่างๆ ได้อีกด้วย

อีกทั้ง ระบบยังสามารถช่วยคัดเลือก (generate) ข้อสอบหรือแบบฝึกหัดให้เหมาะสมกับนักเรียนแบบรายบุคคล (personalized) ตามเงื่อนไขความแตกต่างด้านทักษะ ความถนัด และความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน เช่น โปรแกรม Data and Impact Assessment, Monitoring, and Development System (DIAMONDS) ที่เกิดจากความร่วมมือกันของมูลนิธิทีชฟอร์ไทยแลนด์ (Teach for Thailand) และบริษัทเซอร์ทิส ในการพัฒนาโปรแกรมสำหรับคัดเลือกข้อสอบให้เหมาะกับเด็กแต่ละคน โดยการบันทึกคะแนนการสอบแต่ละครั้ง เพื่อประมวลผลและดูความถนัดของผู้เรียนว่าควรพัฒนาที่จุดใดเป็นหลัก จากนั้นโปรแกรมจะทำการคัดเลือกข้อสอบให้เหมาะสมกับผู้เรียนรายนั้นๆ เพราะการเรียนในรูปแบบเดียวกันทั้งหมดอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการศึกษายุคดิจิทัล

บทบาทของ AI ในด้านการศึกษา
เรารู้ว่า AI สามารถเรียนรู้ได้ และความสามารถนี้ทำให้เหมาะกับงานบางอย่างในภาคการศึกษา แต่ AI ก็เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับบรรดาครูทั้งหลาย  โวลูชั่นที่ทำด้วย AI สามารถเติมช่องว่างวิธีการสอนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากได้ ช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับการทำงานทั่วไปบางอย่าง และทำให้ครูมีเวลามากขึ้น มีอิสระในการมุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจการสนับสนุน และทำสิ่งอื่น ๆ ที่เครื่องไม่สามารถทำได้  ปัญญาประดิษฐ์ยังเปิดโอกาสใหม่ ๆ มากมาย ตัวอย่างเช่น Presentation Translator ซึ่งเป็นโปรแกรมเสริมที่ทำงานด้วย AI สำหรับ PowerPoint ซึ่งจะเพิ่มคำบรรยายให้กับคำบรรยายของครูโดยอัตโนมัติ เครื่องมือดังกล่าวสามารถช่วยสร้างห้องเรียนระดับโลกที่รวมถึงนักเรียนที่พูดภาษาอื่นได้ นอกจากนี้ยังเป็นทางออกสำหรับนักเรียนที่ไม่สามารถเข้าชั้นเรียนได้เนื่องจากความเจ็บป่วยหรือต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบางเรื่องที่ไม่มีสอนในโรงเรียนของตนเอง
นอกจากนี้ยังมียังมีองค์กรที่กำลังพัฒนาวิธีเรียนรู้เป็นรายบุคคล Carnegie Learning and Content Technologies กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มการศึกษาที่ใช้ AI เพื่อให้ข้อเสนอแนะและการทดสอบแก่นักเรียนระดับก่อนอุดมศึกษา ประเมินความรู้ และแนะนำหัวข้อใหม่ ๆ เมื่อ AI เรียนรู้และปรับปรุงให้ดีขึ้นอาจสามารถอ่านการแสดงออกทางสีหน้าเพื่อทำความเข้าใจว่านักเรียนมีปัญหากับบางหัวข้อหรือไม่สามารถแก้ไขความซับซ้อนของบทเรียนได้

ประโยชน์จาก AI ในด้านการศึกษา
ประการแรก AI สามารถประเมินความก้าวหน้าของนักเรียนได้อย่างรวดเร็ว สามารถวิเคราะห์ จุดแข็งและจุดอ่อนแอของพวกเขา แล้วปรับโปรแกรมการศึกษาเพื่อให้สอดรับกับพื่อความรู้ขอนักเรียน วิธีการดังกล่าวจะช่วยให้นักเรียนมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุด และตรวจหาสิ่งที่จำเป็นต้องปรับปรุง
AI สามารถวิเคราะห์โปรแกรมการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหาช่องว่างในหลักสูตร ตัวอย่างเช่น เมื่อมีนักเรียนจำนวนมากเกินสอบตก AI สามารถวิเคราะห์ส่วนนี้ของหลักสูตรและ แนะนำการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในโปรแกรม หรือเพิ่มแนวทางที่จำเป็นบางอย่าง

Cr:Thaifintech , sertiscorp.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น