กล่าวว่า ระบบความจำใช้งานเรียกว่า visuospatial sketchpad หมายถึงแผ่นกระดานเขียนภาพ
ความจำด้านภาพมี 2 ส่วน หนึ่งคือภาพของวัตถุที่เห็น ได้แก่ขนาด รูปทรง สี พื้นผิว สองคือตำแหน่งที่อยู่ ที่ว่างโดยรอบ การเปลี่ยนตำแหน่ง บางตำราจัดให้มีส่วนที่สามด้วยคือความเร็วในการเปลี่ยนตำแหน่ง เหล่านี้ประกอบขึ้นเป็นความจำด้านภาพ
การเล่านิทานเสริมสร้างจินตนาการแต่ดูเหมือนจะได้ไปเพียงการฝึกฝนความจำด้านเสียง เพราะภาพนั้นมิได้เกิดจากการมองเห็นแต่เกิดจากจินตนาการ
ปัญหาของความจำด้านภาพเป็นเหมือนความจำด้านเสียงตรงที่สามารถเลือนหายไปได้หากไม่มีการทวนซ้ำ
แต่ปัญหาที่หนักหนากว่าคือคนเราไม่มีระบบทวนซ้ำด้านภาพที่ชัดเจนเท่ากับการทวนคำด้านเสียง
เด็กๆ เปล่งเสียงได้แต่ ‘ปล่อยภาพ’ มิได้ พบว่าคุณสมบัติของภาพที่เห็นนั้นเองที่กำหนดความยากง่ายของการจำ
มีงานวิจัยที่พบต่อไปว่าคนเราสามารถจำการออกเสียงที่ไม่ซ้ำกันได้ดีกว่าเสียงที่ซ้ำกัน ข้อค้นพบนี้สร้างความแปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะเรามักคิดว่าเด็กๆ จำคำกลอนได้ดีกว่าถ้อยคำพรรณนา
เช่น ทดลองให้อ่าน “ก ร ย ณ ป ค ฮ ง ธ ฆ” เปรียบเทียบกับให้อ่าน “ไก่ เรือ ยักษ์ เณร ปลา ควาย ฮูก งู ธง ระฆัง” เราพบว่าเมื่ออ่านจบแล้วให้ทวนคำ คนส่วนมากจะจดจำได้มากกว่าหากอ่านแบบหลัง จะเห็นว่านี่มิใช่เรื่องของคำคล้องจองแต่เป็นเรื่องของการให้ภาพแก่เสียง กล่าวคือระบบความจำใช้งานได้จับคู่ให้เสียงและภาพเข้ามาใกล้กันเพื่อง่ายต่อการจำ
มีงานวิจัยที่พบต่อไปว่าคำยาวๆ มักจำยากกว่าคำสั้นๆ ความข้อนี้สอดคล้องกับสามัญสำนึกของคนส่วนใหญ่ และน่าจะเป็นเช่นนี้จริงๆ ในตอนเริ่มต้นของชีวิต
Source : นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
Hi mates, how is all, and what you want to say on the
topic of this post, in my view its really amazing in support of me.
Hi there, I check your new stuff regularly. Your writing style
is awesome, keep up the good work!
Thanks a bunch for sharing this with all of us you really realize what you’re
talking approximately! Bookmarked. Kindly additionally seek
advice from my web site =). We will have a link change
agreement between us