“10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง 2567” (10 Technologies to Watch 2024) ภายในงาน “Thailand Tech Show 2024” มหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรม จัดโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
เทรนด์ของเทคโนโลยีโลกที่กำลังส่งผลกระทบในวงกว้างภายใน 5-10 ปีข้างหน้า โดยเริ่มจากเทคโนโลยีใกล้ตัวด้านสุขภาพ
https://www.facebook.com/NSTDATHAILAND/videos/723956683157000
กล้ามเนื้อเทียม (Artificial Muscle)
การผ่าตัดแบบ microsurgery นอกจากนี้ยังมีความต้องการนำกล้ามเนื้อเทียมไปประยุกต์ใช้ในหุ่นยนต์สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์
จุลชีพในลำไส้เพื่อดูแลสุขภาพ (Human Gut Microbes for Healthcare)
ชีววิทยาสังเคราะห์ (Synthetic Biology) ซึ่งใช้หลักการทางวิศวกรรมชีวเคมี ในการออกแบบและสร้างระบบชีวภาพ จนได้เป็น “วงจรยีน (gene circuit)” ในเซลล์ซึ่งเปิด-ปิดการทำงานของยีนบางอย่างได้อย่างจำเพา
แฝดดิจิทัลในการดูแลสุขภาพ (Digital Twin in Healthcare)
บริษัทในประเทศสิงคโปร์ ได้พัฒนาระบบทำนายความเสี่ยงในการเป็นโรคไตเรื้อรังของผู้ป่วยเบาหวาน โดยใช้แบบจำลอง AI ที่ประมวลผลจากข้อมูลประวัติทางการแพทย์ต่างๆ ของผู้ป่วย โดยในส่วนของประเทศไทยมีแนวโน้มที่บริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีการแพทย์
การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบเอไอเสริม (AI-Augmented Software Development)
ความก้าวหน้าของ Generative AI และ Machine Learning เปิดโอกาสให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถนำ AI มาใช้ในกระบวนการออกแบบ สร้าง ทดสอบ รวมไปถึงการวางตลาดแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์ต่างๆ อย่างรวดเร็วมากขึ้น
เทคโนโลยีอุปกรณ์สวมใส่ติดเอไอ (AI Wearable Technology)
ปัจจุบันเริ่มมีอุปกรณ์สวมใส่บนร่างกายที่ใช้เทคโนโลยี AI เพิ่มมากขึ้น ทำให้สามารถเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ผ่านเซนเซอร์แบบไบโอเมทริก (biometric sensor) ซึ่งเมื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปวิเคราะห์ด้วยอัลกอริทึมแบบ deep learning ก็ทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึก
เทคโนโลยีคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Privacy-Enhancing Technologies, PETs)
เทคโนโลยีคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Privacy-Enhancing Technologies, PETs) จึงมีความสำคัญในการช่วยคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ผ่านการเข้ารหัสแบบใหม่ที่ทำให้ข้อมูลประมวลผลบนคลาวด์ได้ “โดยไม่ต้องถอดรหัส” ในบางประเทศมีการนำเทคโนโลยี PETs มาให้บริการแล้วในวงการการเงิน สุขภาพ และทรัพยากรบุคคล
หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย (Security Robot)
เทคโนโลยีหุ่นยนต์ (robotics) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง ปัจจุบันมีการใช้งานหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยแล้วในหลายประเทศ ตลาดโลกของหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย ประเมินกันว่าอาจจะสูงถึง 71,800 ล้านเหรียญในปี พ.ศ. 2570 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 17.8% ขณะที่เฉพาะในแถบเอเชียแปซิฟิกสูงถึงเกือบ 20% โดยปัจจัยกระตุ้นสำคัญคือ ความต้องการเทคโนโลยีนี้ในทางทหารและการป้องกันประเทศเป็นหลัก
เทคโนโลยีรีไซเคิลแบตเตอรี่แบบโดยตรง (Direct Battery Recycling Technology)
เททคโนโลยีรีไซเคิลแบตเตอรี่แบบโดยตรง” ที่ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากอาศัยกระบวนการทางกายภาพในการร่อน ตัด ย่อย บด และคัดแยกนำสารเพื่อนำกลับมาใช้สร้างเป็นขั้วแคโทด (cathode) ของแบตเตอรี่ขึ้นใหม่ ประเมินกันว่าเทคโนโลยีแบบนี้อาจไปถึงจุดที่มีความสามารถในการนำชิ้นส่วนกลับมาใช้ได้มากถึง 90%
ไฮโดรเจนเพื่อการขับเคลื่อน (H2 for Mobility)
ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตไบโอไฮโดรเจน (Biohydrogen) จากพื้นฐานความเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีสารตั้งต้นจากก๊าซมีเทนในมูลสัตว์หรือชีวมวลต่างๆ ที่จัดเป็นกรีนไฮโดรเจน (Green Hydrogen) แบบหนึ่ง ซึ่งอาจนำมาผ่านกระบวนการทางเคมีต่างๆ จนได้ผลิตภัณฑ์เป็นไฮโดรเจนออกมาในที่สุด ต้นทุนการผลิตไบโอไฮโดรเจนก็มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง กระบวนการผลิตไฮโดรเจนแบบนี้ ลดการสร้างคาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint) และนำมาขายเป็นคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit)
ยุคถัดไปของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำด้วยระบบน้ำหมุนเวียน (Next Generation of Recirculating Aquaculture System: RAS)
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม โดยเทคโนโลยี RAS เป็นการเลี้ยงแบบใช้น้ำหมุนเวียน และบำบัดของเสียออกจากน้ำและเติมออกซิเจนให้กับน้ำ มีข้อดีคือไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำ สามารถเลี้ยงสัตว์น้ำได้อย่างหนาแน่นในพื้นที่น้อย สามารถควบคุมสภาวะการเลี้ยงและมีการติดตามปัจจัยต่างๆ ได้ดีกว่าวิธีการแบบเดิม จึงลดความเสี่ยงจากโรคสัตว์น้ำได้มาก
source : Salika,สวทช