Human-centered AI คือแนวทางการใช้ AI ในการศึกษาที่เน้น “มนุษย์เป็นศูนย์กลาง” หมายถึงการใช้ AI เพื่อ ช่วยครูและผู้เรียน ไม่ใช่เพื่อแทนที่มนุษย์ เป้าหมายคือทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังคงความเป็นมนุษย์ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ความเข้าใจอารมณ์ และการสื่อสาร
แนวคิดหลักของ Human-centered AI คือ
AI เสริมพลังมนุษย์ ไม่ใช่แย่งงานมนุษย์
AI ช่วยทำงานที่ใช้เวลานาน เช่น ตรวจงาน สรุปเนื้อหา หรือปรับบทเรียนให้เหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน ทำให้ครูมีเวลาไปโฟกัสกับสิ่งสำคัญ เช่น การสอน การให้คำแนะนำ และการช่วยเหลือนักเรียน งานวิจัยยังพบว่า AI ช่วยครูประหยัดเวลาได้หลายชั่วโมงต่อสัปดาห์ และช่วยเพิ่มผลการเรียนของนักเรียนได้อย่างชัดเจน

หลักการสำคัญของ Human-Centered AI คือ การเสริมพลังมากกว่าการทำงานอัตโนมัติ (augmentation over automation) หมายความว่า AI ควรช่วยครูทำงานที่ใช้เวลามาก เช่น ตรวจงาน หรือปรับเนื้อหาให้เหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน ทำให้ครูมีเวลามากขึ้นในการเป็นผู้นำทางความคิดและดูแลผู้เรียนอย่างใกล้ชิด งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า การใช้ AI ช่วยครูสามารถประหยัดเวลาได้เกือบ 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และระบบการเรียนแบบปรับตามผู้เรียนช่วยเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้มากกว่า 60% ซึ่งทั้งหมดนี้ยังคงรักษาบทบาทและอำนาจตัดสินใจของครูไว้เป็นศูนย์กลาง
กรอบคิด Human-Centered AI ประกอบด้วย 4 แนวทางสำคัญ ได้แก่
- การเสริมพลังมากกว่าการแทนที่ (Augmentation over automation) — AI ช่วยสนับสนุน ไม่ใช่ควบคุมการสอน
- การรู้เท่าทัน AI มากกว่านโยบาย (AI literacy over policy) — มุ่งสอนครูและนักเรียนให้ใช้ AI อย่างรับผิดชอบ แทนที่จะพึ่งแต่กฎระเบียบ
- การออกแบบมากกว่าเทคโนโลยี (Design over technology) — เน้นออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ด้วยเป้าหมายทางการสอน ไม่ใช่แค่ทำเพราะมีเทคโนโลยี
- วิสัยทัศน์มากกว่าการตัดสินใจเฉพาะหน้า (Vision over decisions) — สถาบันการศึกษาต้องมองผลกระทบระยะยาวของ AI ต่อมนุษย์
ห้องเรียนในอนาคตตามแนวคิดนี้จะเป็นพื้นที่เรียนรู้แบบไดนามิกที่ AI และครูทำงานร่วมกัน AI จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ แนะนำเนื้อหาที่เหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน และสร้างเส้นทางการเรียนรู้เฉพาะตัว ทำให้การเรียนไม่ใช่เนื้อหาตายตัว แต่เป็น “ประสบการณ์ที่ปรับเปลี่ยนได้” ตามความต้องการและบริบทของผู้เรียนหลากหลายกลุ่ม
วิสัยทัศน์นี้ยังขยายไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วย AI ช่วยให้คนทุกวัยสามารถพัฒนาทักษะใหม่ได้อย่างต่อเนื่องตามความต้องการของตลาดแรงงาน เทคโนโลยีอย่าง XR (Extended Reality) ก็ช่วยเพิ่มประสบการณ์การเรียนรู้แบบลงมือทำ และระบบสะสมสมรรถนะ (credential) ที่เชื่อมโยงกันจะช่วยให้การย้ายสายงานหรือการอัปสกิลทำได้ง่ายขึ้น
แม้ AI จะเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ แต่ความสามารถมนุษย์ เช่น ความเห็นอกเห็นใจ การคิดเชิงจริยธรรม และความคิดสร้างสรรค์ ยังคงเป็นหัวใจหลักของการศึกษา ยุคใหม่จึงมองว่า “ความรู้เกี่ยวกับ AI” จะสำคัญเทียบเท่ากับการอ่าน เขียน และคณิตศาสตร์ โดยต้องเน้นทั้งการใช้ข้อมูลอย่างถูกต้องและจริยธรรมการใช้ AI
เพื่อให้แนวคิดนี้เกิดขึ้นจริง จำเป็นต้องลงทุนทั้งด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาครู ให้รู้จักใช้และกำกับ AI อย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น AI Teaching Assistant ที่ช่วยออกแบบบทเรียน ประเมินผู้เรียน และให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล แต่ครูยังคงเป็นผู้นำและผู้ทำความเข้าใจผู้เรียนอย่างลึกซึ้ง
สรุป:
ภายในปี 2026 AI ที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลางจะทำให้การศึกษาเปลี่ยนไปสู่ระบบที่มนุษย์และ AI ทำงานร่วมกันอย่างสอดประสาน เป้าหมายไม่ใช่การแทนที่ครู แต่คือการยกระดับศักยภาพมนุษย์ ผ่าน AI ที่ช่วยให้การเรียนรู้เป็นรายบุคคล เข้าถึงง่าย และตอบสนองโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังรักษาคุณค่าความเป็นมนุษย์ เช่น ความสร้างสรรค์ จริยธรรม และการคิดวิเคราะห์
วิสัยทัศน์นี้จะช่วยเตรียมนักเรียนให้พร้อมทั้งด้านวิชาการและทักษะชีวิตสำหรับโลกในอนาคต และสะท้อนความตั้งใจของหลายสถาบันทั่วโลกที่ต้องการให้ AI กลายเป็นพลังสนับสนุนการศึกษาอย่างเท่าเทียมและมีความหมาย
source : aiforeducation.
