
ในปีนี้ วิศวกรรมชีวการแพทย์ (Biomedical Engineering) ยังคงเป็นสาขาที่มีแนวโน้มเติบโตและมีบทบาทสำคัญในหลากหลายด้านของอุตสาหกรรมสุขภาพและเทคโนโลยีชีวภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ความต้องการนวัตกรรมด้านการแพทย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี่คือทิศทางที่สำคัญในปีนี้
วิศวกรรมชีวการแพทย์ หรือ Biomedical Engineering เป็นสาขาวิชาที่กำลังมาแรงและมีศักยภาพเติบโตสูงในอนาคต สอดคล้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เน้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ ซึ่งประเทศไทยเองก็มีเป้าหมายที่จะก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ (Medical Hub) ในระดับภูมิภาค ทำให้ความต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เพิ่มมากขึ้น
เหตุผลที่วิศวกรรมชีวการแพทย์เป็นสายงานมาแรง
- การเติบโตของเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูง
- นวัตกรรมทางการแพทย์ เช่น เครื่องมือวินิจฉัยโรคอัจฉริยะ (Smart Diagnostic Tools), เครื่องมือผ่าตัดหุ่นยนต์ (Robotic Surgery) และ อุปกรณ์สวมใส่ติดตามสุขภาพ (Wearable Devices) เป็นส่วนสำคัญที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในสายวิศวกรรมชีวการแพทย์ในการพัฒนาและดูแล
- ความต้องการเทคโนโลยีด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น
- สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) และความต้องการรักษาโรคที่ซับซ้อน เช่น มะเร็ง โรคทางระบบประสาท และโรคเรื้อรัง ส่งผลให้ต้องมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น
- การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศไทย
- อุตสาหกรรม S-Curve ของไทย เช่น Bioeconomy และ Medical Hub ผลักดันให้เกิดการลงทุนในอุปกรณ์ทางการแพทย์ และการพัฒนาเทคโนโลยีชีวการแพทย์อย่างต่อเนื่อง
- โอกาสการทำงานหลากหลาย
- ผู้ที่จบสายวิศวกรรมชีวการแพทย์สามารถทำงานได้ในหลายสายงาน เช่น
- พัฒนาอุปกรณ์การแพทย์
- ดูแลและบำรุงรักษาเครื่องมือในโรงพยาบาล
- วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ
- ทำงานในสายชีววิทยาศาสตร์ (Life Sciences) และอุตสาหกรรม
- ผู้ที่จบสายวิศวกรรมชีวการแพทย์สามารถทำงานได้ในหลายสายงาน เช่น

ทิศทางสำคัญในปีนี้ 2025
1. เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่แม่นยำ (Precision Medicine)
- การผสานข้อมูล ชีวสารสนเทศศาสตร์ (Bioinformatics) และ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมและสุขภาพ เพื่อพัฒนาแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล เช่น การออกแบบยาที่เหมาะกับผู้ป่วยรายบุคคล
2. AI และ Machine Learning ในการแพทย์
- AI กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในวิศวกรรมชีวการแพทย์ ตั้งแต่การวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ (Medical Imaging) ไปจนถึงการพัฒนาหุ่นยนต์ผ่าตัด
- ตัวอย่างเช่น ChatGPT ในด้านการแพทย์ ที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วย และการตัดสินใจทางคลินิก
3. อุปกรณ์สวมใส่และเซ็นเซอร์อัจฉริยะ (Wearable Devices)
- มีการพัฒนาอุปกรณ์ติดตามสุขภาพ เช่น เครื่องวัดการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต และระดับน้ำตาลในเลือด ที่มีความแม่นยำสูงและเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเพื่อการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์
4. การพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) ในการแพทย์
- การพัฒนาอวัยวะเทียม อุปกรณ์ทางการแพทย์ และแม้กระทั่งโครงสร้างเนื้อเยื่อ (Tissue Engineering) โดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ยังคงมีความต้องการสูง
- งานวิจัยเกี่ยวกับ Bioprinting เพื่อสร้างอวัยวะจากเซลล์ของผู้ป่วยเองกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว
5. การแพทย์ทางไกล (Telemedicine)
- ระบบการวินิจฉัยและการติดตามอาการผู้ป่วยทางไกลกำลังขยายตัว โดยวิศวกรชีวการแพทย์มีบทบาทในการพัฒนาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่รองรับการแพทย์รูปแบบนี้
6. นวัตกรรมด้านวัสดุชีวภาพ (Biomaterials)
- วัสดุใหม่ๆ ที่เข้ากันได้ดีกับร่างกายมนุษย์ เช่น วัสดุชีวภาพที่ใช้ในการปลูกถ่ายกระดูกหรือหลอดเลือด รวมถึงวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ในร่างกาย
7. ความยั่งยืนในวิศวกรรมชีวการแพทย์
- การพัฒนาอุปกรณ์การแพทย์ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุรีไซเคิลหรือการลดของเสียในกระบวนการผลิต
8. ตลาดและอาชีพในสาขานี้
- ความต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ยังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในองค์กรที่พัฒนานวัตกรรมการแพทย์ อาทิ บริษัทผลิตอุปกรณ์การแพทย์ สถาบันวิจัย และโรงพยาบาล
- การร่วมมือข้ามสาขา เช่น วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิทยาศาสตร์ข้อมูล และชีววิทยา เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการความก้าวหน้าในสายงานนี้
Source : Jobdb